TOPIC
Coffee Story #4 ตาน้ำบนดอย หัวใจของกาแฟ
โดย : ผู้ดูแลระบบสันติพานิช
17.04.2024
ต้นน้ำที่แท้จริง เกิดขึ้นที่ไร่แม่บู่หยา ดอยปางขอน จ.เชียงราย คืออะไร วันนี้ เราจะไปดูกันค่าาาา…เรื่องนี้ เราติดค้างมาจาก Coffee Story#1 ที่บอกว่า เมื่อตอนไปถึงดอยปุ๊บ พี่บอลก็พาเดินเข้าไร่กาแฟกันเลย
วันนี้เราจะพาทุกคน เข้าไร่กาแฟกับเรา สืบเนื่องมาจาก ตอนที่เราไปถึงไร่แม่บู่หยา ทีมงานของพี่พิม (เจ้าของไร่แม่บู่หยา) กำลังปอกเปลือกกาแฟ ด้วยเครื่องอัตโนมัติ (Coffee Pulping Machine) ซึ่งในการปอกเปลือกกาแฟ “น้ำ” เป็นส่วนประกอบสำคัญของขั้นตอนนี้ เราได้รับคำถามจากพี่บอลว่า “รู้ไหม ว่าน้ำที่เขาใช้ในการปลอกเปลือกกาแฟ มาจากไหน?”
:
เดี๋ยวไปหาคำตอบกัน..
พี่บอลเกริ่นว่า “ต้นน้ำจริงๆ บนไร่นี้ คือตาน้ำ” เดี๋ยวเราไปดูกัน…
ตอนแรก เราก็สงสัยนะว่าตาน้ำคืออะไร มันเกิดขึ้นยังไง จากไหน สงสัยไปหมด และแน่นอน ในระหว่างทางที่เดินไปตาน้ำ มีคำถามมากมาย ไม่น่าเชื่อเลยว่า..แค่เดินเข้าไร่ไม่กี่ก้าว…กลับมีสิ่งที่น่าค้นหามากมาย
รอบนี้เรามาเล่น ถามตอบกันดีกว่า
ถาม: ปกติแล้ว…กาแฟใช้เวลากี่ปี ถึงจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ตั้งแต่ต้นกล้า?คำตอบ …อนุบาล2ปี เก็บเกี่ยวประมาณ 3ปี ล็อตแรกผลผลิต อาจจะยังไม่ค่อยอร่อยมากนะ
ถาม…ทำไมล่ะ ทำไมกาแฟล็อตแรกถึงยังไม่อร่อย ในเมื่อออกผลแล้ว? คำตอบ…เนื่องจาก ต้นกาแฟยังต้องใช้เวลาในการสะสมสารอาหาร ไปเรื่อยๆ โดยปกติ กาแฟที่ออกมาล็อตแรก อาจจะไม่ได้เยอะมาก เพราะเป็นสาวแรกรุ่น ยังเป็นต้นอ่อนอยู่ สะสมสารอาหารได้ไม่เยอะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าขายไม่ได้ หรือคุณภาพไม่ดีนะ เรายังสามารถเก็บผลผลิตของเขาไปทำต่อได้ แต่อาจจะไม่ได้อร่อยจนว๊าววว
เดินไปอีก 2-3 ก้าว คำถามอีกแล้ว!!! ต้นนี่ต้นอะไร….
คำตอบคือ… “Silver oak” ต้นสนชนิดหนึ่ง โตไว แข็งแรง ทนทาน และชอบแสงแดดมากอายุยืนยาว แต่ก็ทนความหนาวได้เช่นเดียวกัน แถมช่วยป้องกันการพังทลายของดิน กักเก็บคาร์บอน และอนุรักษ์น้ำด้วย จึงเหมาะกับการปลูกร่วมกันกับต้นกาแฟรูปทรงใบจะเป็นสีเขียวอมน้ำเงิน ใต้ใบสีเงินกำมะหยี่ ลำต้นสูงชะลูดขึ้นไป ต้นไม้ที่ให้ร่มเงาพอประมาณ เพื่อที่แดดจะได้ไม่ลงตรงที่ต้นกาแฟ แต่ก็ไม่ได้ปกปิดจนไม่ได้รับแสงแดด ทีมแม่บู่หยาเห็นการเอื้อประโยชน์ของกันและกัน ก็เลยหาต้น Silver oak มาปลูกร่วมกันกับกาแฟ
ปัญหาต่อไป … ไม่ถึงตาน้ำสักที ต้นกาแฟมีรา ทำไงดี?
ไลเคน (lichens) ที่เราเห็น (บนต้นกาแฟ) เป็นตัวที่บอกสภาพอากาศได้ว่าอากาศดี เราจะไม่มีทางเจอไลเคนในเมืองที่มีมลภาวะเป็นพิษ ไลเคนไม่ทำร้ายต้นกาแฟ อารมณ์ประมาณเหาฉลาม ไม่ได้แย่งสารอาหารอะไรต้นกาแฟ แค่น่ารำคาญเท่านั้นเอง
การดูแลต้นกาแฟนั้น อีกหนึ่งเรื่องสำคัญคือ เราต้องถางหญ้าตลอด เพื่อไม่ให้หญ้ามาแย่งสารอาหาร ที่ไร่แม่บู่หยาเราไม่ใช้ยาฆ่าหญ้า แต่เราใช้กำลังแรงคนด้วยจอบในการพรวนดินและถางหญ้า
วิธีการถางหญ้าจะทำให้ดินนุ่ม พอดินนุ่ม น้ำก็จะซึมลงดิน ถึงรากต้นกาแฟได้ ทำให้ต้นกาแฟดูดน้ำและสารอาหารได้เป็นอย่างดี แต่มันก็จะเหนื่อยหน่อย เพราะใช้กำลังคนล้วนๆ
เดินมาเรื่อยๆ ถึงจุดพีคซะที ตาน้ำ คือน้ำที่ผุดขึ้นมาจากพื้น ตอนแรกเป็นเพียงแอ่งเล็กๆ เท่านั้น จากนั้นเขาก็เอารถแม็คโครมาขุดเพิ่ม เพื่อให้น้ำซึมขึ้นเยอะๆ ตาน้ำที่เกิดจากธรรมชาติจริงๆ น้ำตรงนี้มันจะใสมากๆ พอมันโดนแดด มันจะมีตะไคร่น้ำ น้ำที่น้องบีมได้ลองชิมจริงๆ ก็บอกว่าน้ำไม่มีกลิ่น ไม่มีรสชาติ ซึ่งจะต่างจากน้ำบาดาล (น้ำบาดาลจะดูดมาจากชั้นหิน) แต่ต้นน้ำที่เราเจอ คือการที่น้ำฝนไหลมารวมตัวกันลงไปในดิน แล้วผุดขึ้นมาจากดินตามธรรมชาติ ใสสะอาดมากๆ เชื่อกันว่า ถ้าที่ไหนมีตาน้ำ แปลว่าป่านั้นจะอุดมสมบูรณ์มากๆ
ตาน้ำ คือแหล่งกำเนิดของน้ำไหลตามแรงโน้มถ่วงของโลก กลายเป็นสายธาร ลำธาร จนกลายเป็นได้ถึงแม่น้ำเลยทีเดียว ตาน้ำจึงสำคัญต่อระบบนิเวศมากๆ นอกจากจะช่วยหล่อเลี้ยงพืชพันธุ์แล้ว สัตว์ และมนุษย์ ยังต้องอาศัยตาน้ำมาใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย
ส่วนในไร่แม่บู่หยาตาน้ำมีความหมายและความสำคัญกับไร่มากเราได้ใช้น้ำจากบ่อนี้นำมาทำโพรเสสสกาแฟ
รดน้ำต้นไม้ รดน้ำผัก เป็นน้ำที่สะอาด และบริสุทธิ์จริงๆ
อ่านจบ เราหวังว่า ทุกคน จะรู้สึกเหมือนกันเดินเข้าไร่กาแฟไปกับเราจริงๆ คงได้รู้จักกับต้นน้ำจริงๆ แล้ว ทุกครั้งที่เราขึ้นดอย มักจะมีเรื่องราว ให้เราได้สัมผัส ได้ความรู้ ได้เห็นอะไรที่เราไม่เคยรู้มาก่อน และอย่างที่บอกว่า เราไม่อยากเก็บไว้คนเดียว เราอยากส่งต่อเรื่องราวที่เราได้รับรู้ให้กับทุกคนได้รู้ได้เห็นเช่นกัน