ดื่มด่ำกับเมนูยอดฮิตด้วยสูตรชงชาไทยให้อร่อยด้วยตนเอง และประโยชน์จากการดื่มชาไทย

ชาไทยเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ด้วยรสชาติที่เข้มข้นแต่แฝงไปด้วยความหอมหวาน เป็นเครื่องดื่มที่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน โดยได้รับอิทธิพลการดื่มชาร้อนมาตั้งแต่สมัยพระนารายมหาราช แต่วิธีดื่มชาสมัยนั้นไม่ได้มีการปรุงรสใดๆ จนต่อมาไทยได้ทำการค้าขายกับพ่อค้าอินเดียมากขึ้น จึงได้รับเอาวัฒนธรรมการดื่มชาแบบใส่นมและน้ำตาล อีกทั้งช่วงนั้นได้มีบริษัทผลิตนมข้นหวาน และโรงน้ำแข็งเจ้าแรกในไทย ทำให้เกิดการชงชาเย็นแบบปรุงรสหวานมันขายกันอย่างแพร่หลาย ต่อมาได้มีการพัฒนาปรับเปลี่ยนชนิดชามาใช้เป็นชาดำกับชาแดงที่ให้สีสันออกทางส้มน้ำตาลธรรมชาติ และเมื่อชงกับนมจะได้สีส้มนวลแบบชาไทยหรือชาเย็นนั่นเอง

ชาไทยไม่ได้เป็นเครื่องดื่มสุดอร่อยของคนไทยเท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมแทบทั่วโลก จนติดอันดับ 7 จาก 100 อันดับ ของ “Best Non-Alcoholic beverage in the world” ในปี 2023 และหลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ชาไทยมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย หากดื่มชาให้ถูกวิธีและในปริมาณที่เหมาะสม 

ประโยชน์ของชาไทยมีอะไรบ้าง

1. ชาไทยมีสารต้านอนุมูลอิสระ

ไม่ว่าจะเป็นผงชาชงหรือใบชาอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันเซลล์ในร่างกายจากการถูกทำลาย และอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ ได้

2. ชาไทยช่วยเพิ่มพลังงานและความตื่นตัว

ชาไทยมีสารแทนนินและคาเฟอีนช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ทำให้รู้สึกตื่นตัว สดชื่น และมีสมาธิมากขึ้น

3. ชาไทยช่วยส่งเสริมระบบย่อยอาหาร

สารแทนนินในชาไทย มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร ทำให้รู้สึกสบายท้อง

4. ชาไทยช่วยบำรุงกระดูก

แคลเซียมในชาไทยช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง การบริโภคแคลเซียมให้เพียงพอจะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ลดความเสี่ยงการเกิดภาวะกระดูกอ่อนแอและเปราะง่าย 

5. ชาไทยช่วยดับกระหายคลายร้อน

ชาไทยเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมในการดับกระหายคลายร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมนูชาเย็นรสชาติหวานมันอร่อยชื่นใจ

สูตรชาไทยและวิธีชงชาเย็นให้อร่อย

ปัจจุบันมีผงชาสำเร็จรูปจำหน่ายในท้องตลาดมากมาย แต่การเลือกซื้อผงชาไทยคุณภาพดีจะอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ มีกลิ่นหอมสดชื่นของชาไทยแท้ รสนุ่มละมุน ไม่ขม และยังสามารถนำไปสร้างสรรค์เมนูชาได้หลากหลายตามที่ชอบ

วิธีชงชาไทยแบบง่ายๆที่บ้าน

1. เตรียมผงชาไทย น้ำร้อน นมข้นหวาน และนมสด
2. ผสมผงชากับน้ำร้อนในอัตราส่วนที่เหมาะสม
3. เติมนมข้นหวานและนมสดตามชอบ
4. คนให้เข้ากัน  
5. พร้อมเสิร์ฟ

สูตรชาไทยเข้มข้นแบบชาใต้ 

ส่วนผสม : 

1. น้ำร้อน 150 ml 
2. ผงชาไทยสูตรเข้มข้น 2 ช้อนโต๊ะ 
3. ครีมเทียมหรือครีมถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ 
4. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
5. นมข้นหวาน 20 ml 
6. นมข้นจืด 30 ml 

วิธีชงชา : 

1. รินน้ำร้อนใส่แก้วชง
2. ตักผงชาลงในน้ำร้อนแล้วคนให้ละลาย
3. ตั้งพักไว้ประมาณ 1 นาที 
4. เทน้ำชาที่พักไว้ลงในถุงกรองชา ให้ชาไหลลงสู่แก้วชง
5. นำน้ำชาในแก้วชงรินใส่ถุงกรองอีกครั้ง 
6. ทำสลับไปเรื่อยๆ ประมาณ 4-5 ครั้ง จะช่วยให้ชามีกลิ่นหอมและเนื้อเนียนขึ้น
7. เทใส่ถุงกรองรอบสุดท้าย บีบถุงกรองเอาแต่น้ำชา
8. เติมครีมเทียม น้ำตาล นมข้นหวาน นมข้นจืด
9. คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี หรือใช้ที่ตีฟองช่วยยิ่งได้รสเข้มข้นกลมกล่อม
10. รินใส่แก้วที่มีน้ำแข็ง
11. พร้อมเสิร์ฟ 

*เคล็ดลับ ชงชาแช่ตู้เย็นข้ามคืนยิ่งทำให้ชามีกลิ่นหอมมากขึ้น

สูตรชาไทยโบราณ

วิธีชงชาไทยโบราณ มักจะใช้วิธีการต้มใบชากับน้ำให้เดือด จากนั้นเพิ่มรสชาติด้วยการเติมน้ำตาลและนมข้นหวาน ทำให้ได้รสชาติเข้มข้นและหอมกรุ่นตามแบบฉบับชาไทยดั้งเดิม 

สูตรชาไทยลดน้ำตาล เพิ่มความสดชื่น

สำหรับคนรักสุขภาพหรือไม่ชอบรสหวาน สามารถเลือกดื่มชาไทยลดน้ำตาลได้ แต่ยังคงความหอมหวานของชาไทยเอาไว้ ด้วยการใส่ผลไม้ เช่น ส้ม สตรอเบอร์รี่ มะนาว ใบสะระแหน่ เพื่อเพิ่มความสดชื่นโดยไม่ต้องพึ่งน้ำตาลมากนัก

สรุป

อย่างไรก็ตาม เครื่องดื่มชาไทย ข้อเสียก็มีเช่นกันหากดื่มไม่ถูกต้อง ดังนั้น Thai tea lover ควรรู้วิธีดื่มชาไทยให้ถูกวิธี โดยเลือกดื่มชาไทยลดน้ำตาล มีความหวานน้อย หรือ หวาน 0% ไม่ควรดื่มชาไทยเกิน 1-2 แก้ว / สัปดาห์ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ก็ได้ดื่มด่ำเมนูสุดโปรดโดยไม่เสียสุขภาพ