รู้ลึก “ความแตกต่างระหว่างกาแฟอราบิก้าและกาแฟโรบัสต้า” พร้อมวิธีการเลือกเมล็ดกาแฟให้เหมาะกับการชงกาแฟเมนูต่างๆ ทั้งร้อนและเย็นเพื่อรสชาติที่ดีที่สุด

เคล็ดลับการเลือกชนิดเมล็ดกาแฟให้เหมาะกับเมนูกาแฟแก้วโปรด 

เมื่อนึกถึงเครื่องดื่มหอมๆ ที่ขึ้นชื่อว่า “กาแฟ” หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อของ กาแฟอราบิก้า (Arabika) และ กาแฟโรบัสต้า (Robusta) อยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นสายพันธุ์กาแฟที่นิยมในไทยมากที่สุด แม้ว่าที่จริงแล้วสายพันธุ์กาแฟในโลกนี้มีอยู่หลากหลายชนิดก็ตาม แล้วทั้งสองสายพันธุ์มีความแตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกใช้กับเมนูไหนเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด? บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจอย่างละเอียดถึงความแตกต่างของกาแฟทั้งสองประเภท พร้อมคำแนะนำสำหรับการเลือกเมล็ดกาแฟให้เหมาะกับเมนูโปรดของทุกคน

ประเภทกาแฟที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก

กาแฟทั่วโลกมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์กาแฟที่นิยมปลูกและนำมาบริโภคจริง ๆ มีอยู่ 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่

• กาแฟอราบิก้า (Arabica)
• กาแฟโรบัสต้า (Robusta)

โดยแต่ละประเภทกาแฟจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ทั้งกลิ่นกาแฟ รสชาติ ปริมาณคาเฟอีน และสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมในการเพาะปลูกกาแฟ 

ความแตกต่างระหว่างกาแฟอราบิก้าและกาแฟโรบัสต้า

แหล่งปลูกและสภาพแวดล้อม

• เมล็ดกาแฟอราบิก้า ต้องการสภาพอากาศเย็น และต้องปลูกที่ระดับความสูงมากกว่า 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล เช่น เอธิโอเปีย บราซิล โคลัมเบีย
• เมล็ดกาแฟโรบัสต้า ปลูกได้ผลดีในสภาพอากาศร้อนชื้น และบนพื้นที่ต่ำ เช่น อินเดีย อินโดนีเซีย หรือ เวียดนาม เป็นต้น

รสชาติและกลิ่นกาแฟ

• กาแฟอราบิก้า มีรสชาติหลากหลาย ตั้งแต่รสหวาน ไปจนถึงรสเปรี้ยวผลไม้ และนุ่มนวล มีกลิ่นหอมซับซ้อน 
• กาแฟโรบัสต้า มีรสขม เข้มข้นกว่า กลิ่นหอมแรง ได้กลิ่นถั่วและไม้คั่วชัดเจน

แหล่งปลูก เมล็ดกาแฟอราบิก้า 

แหล่งปลูก เมล็ดกาแฟโรบัสต้า

ปริมาณคาเฟอีน

• กาแฟอราบิก้า มีคาเฟอีนต่ำกว่าประมาณ 1.2–1.5%
• กาแฟโรบัสต้า มีคาเฟอีนสูงถึง 2–2.7% ทำให้มีรสขมจัดกว่า และกระตุ้นพลังงานได้มากกว่า

ลักษณะเมล็ดกาแฟ

• เมล็ดกาแฟอราบิก้า ลักษณะรูปทรงรี เรียวยาว พื้นผิวเรียบ และมีเส้นผ่าศูนย์กลางเว้าเป็นเส้นโค้ง
• เมล็ดกาแฟโรบัสต้า ลักษณะรูปทรงกลม พื้นผิวขรุขระ มีเส้นผ่าศูนย์กลางตรง 

เมนูที่เหมาะกับกาแฟอราบิก้า

กาแฟอราบิก้า เหมาะกับเมนูที่รสชาติกลมกล่อม มีความนุ่ม ละเอียดอ่อน และกลิ่นหอมซับซ้อน   เช่น

• Americano 
• Cold Brew
• Espresso Shot
• Drip Coffee (Pour Over) 
• Latte และ Cappuccino (รสชาติหวาน นุ่มนวล เข้ากับนมได้ดี)Cold Brew

เคล็ดลับ: หากชอบดื่มกาแฟดำที่มีรสเปรี้ยวละมุน ควรเลือกใช้ เมล็ดกาแฟอราบิก้าคั่วอ่อน หรือเมล็ดกาแฟอราบิก้าคั่วกลาง

เมนูที่เหมาะกับกาแฟโรบัสต้า

โรบัสต้า เหมาะกับเมนูกาแฟรสขม เข้มข้น กลิ่นหอมแรง และต้องการเคเฟอีนสูง เช่น

• Espresso Shot (สำหรับผู้ที่ชอบรสขม เข้มข้นจัด)
• Iced Americano
• กาแฟนมเย็น
• กาแฟโบราณ
• เมนูกาแฟเย็นต่างๆ 

เคล็ดลับ: เมล็ดโรบัสต้า นิยมใช้กับเมนูกาแฟนม หรือกาแฟเติมน้ำตาล เพื่อรสชาติหวานมัน แต่ยังคงให้ความขมของกาแฟ และมีความเข้มข้นอร่อย

เทคนิคการเลือกเมล็ดกาแฟสำหรับชงกาแฟเมนูต่างๆ 

การเลือกเมล็ดกาแฟให้ตรงกับเมนูที่ต้องการ ไม่เพียงแต่ทำให้ได้รสชาติที่อร่อยขึ้น แต่ยังช่วยเสริมประสบการณ์การดื่มกาแฟให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วย

1.เลือกตามระดับการคั่วของกาแฟ

• กาแฟคั่วอ่อน (Light Roast) เหมาะกับการชงกาแฟดำ เช่น Cold Brew และ Pour Over 
• กาแฟคั่วกลาง (Medium Roast) เหมาะกับการชงกาแฟรสนุ่ม มีความบาลานซ์ลงตัวระหว่างรสขมของกาแฟกับความหวานมันของนม เช่น ลาเต้ คาปูชิโน่ 
• กาแฟคั่วเข้ม (Dark Roast) เหมาะกับการชงกาแฟเย็น กาแฟนม และ Espresso แบบเข้ม ๆ

2. เลือกตามสายพันธุ์กาแฟ

• ต้องการความซับซ้อน รสชาติกาแฟนุ่มนวล มีกลิ่นหอมหวาน แนะนำ “เมล็ดกาแฟอราบิก้า”
• ต้องการคาเฟอีนสูง ตื่นตัวไว กาแฟรสเข้มขมจัด ราคาประหยัด แนะนำ “เมล็ดกาแฟโรบัสต้า”

3. เลือกตามวิธีชง

• สำหรับการใช้เครื่องชง Espresso สามารถใช้เมล็ดโรบัสต้าหรือเบลนด์ (อราบิก้าผสมโรบัสต้า) เพื่อให้ได้ช็อตกาแฟที่มี crema หนาและเข้มข้น
• สำหรับการดริป (Pour Over) หรือ French Press เหมาะกับเมล็ดอราบิก้า 100% เพื่อดึงกลิ่นหอมเฉพาะตัวออกมา

สรุป เลือกชนิดเมล็ดกาแฟอย่างไรให้เหมาะกับคุณ

การเข้าใจถึงความแตกต่างของกาแฟ ระหว่าง สายพันธุ์กาแฟอราบิก้า และ สายพันธุ์กาแฟโรบัสต้า นับว่าเป็นก้าวแรกของการเลือกกาแฟให้ตรงเมนูที่ถูกใจที่สุด ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบรสชาติกาแฟหอมหวาน กาแฟเปรี้ยวอมหวาน หรือ กาแฟเข้มข้น ขมสะใจ เพียงแค่เลือกประเภทกาแฟ และ รู้เคล็ดการชงกาแฟเมนูต่างๆ เท่านี้ก็จะช่วยสร้างประสบการณ์การดื่มกาแฟที่พิเศษได้ในทุกๆวัน