เลือกซื้อเมล็ดกาแฟสดคั่วยังไงให้ถูกใจ

10.3k

TOPIC

เลือกซื้อเมล็ดกาแฟสดคั่วยังไงให้ถูกใจ

โดย : stp_seo
04.05.2021

เทรนด์กาแฟสดกำลังมาแรงจนทำให้ร้านกาแฟสดผุดขึ้นทุกหนแห่งแข่งกับดอกเห็ดก็ว่าได้ แต่ร้านที่อยู่ได้นาน อยู่ได้ทน เรียกลูกค้าเข้าใช้บริการได้สม่ำเสมอ ก็ต้องชงกาแฟได้อร่อยถูกปากถูกคอกาแฟกันส่วนใหญ่จริงๆ เพราะถือได้ว่าร้านกาแฟสดในปัจจุบันมีการแข่งขันสูง แต่ในขณะเดียวกันคนก็ให้ความนิยมในการดื่มกาแฟสดมากขึ้นด้วย และมักจะเห็นพนักงานออฟฟิศทั่วไปเข้าร้านสั่งกาแฟกันคนละแก้วสองแก้วก่อนเริ่มงานวันใหม่กันจนชินตา

 

ทำไมกาแฟสดถึงได้รับความนิยม…กาแฟสดจะต้องชงใหม่ทุกครั้งด้วยเมล็ดกาแฟคุณภาพดีทำให้มีกลิ่นที่หอมชวนดื่มมากกว่ากาแฟสำเร็จรูป ทำให้ผู้ที่ดื่มกาแฟประจำยอมที่จะเสียเงินมากขึ้นอีกหน่อย แต่ได้รสกาแฟที่สดใหม่ หอมหวาน และอินกับกลิ่นกาแฟคั่วสดที่ขนาดคนไม่ดื่มกาแฟ เมื่อได้หลงเข้าร้านกาแฟสดยังต้องเพลินไปกับกลิ่นจนแทบอยากจะลองชิมดูบ้างก็ว่าได้

 

ก่อนนี้จะมีแต่ร้านกาแฟสดที่ต้องลงทุนในราคาสูง แต่ปัจจุบันนี้หลังจากสถาณการณ์โควิด-19 ตั้งแต่รอบแรกเป็นต้นมา ทำให้ต้องกักตัวทำงานแบบ work from home กันส่วนใหญ่ ได้มีโอกาสหาความรู้เพิ่มเติมจนบางคนได้พลิกวิกฤติเป็นโอกาสเปิดร้านกาแฟสดเล็กๆข้างทางแบบท้ายรถบ้าง ริมทางเดินบ้าง กาแฟสดรถโฟล์ค์บ้าง ลงทุนเพียงหลักพันก็เปิดร้านกาแฟสด slow bar ที่มีทั้งแบบกาแฟดริปร้อน-เย็น , Flair Espreeso หรือ Moka pot มีทั้งแบบซื้อกลับบ้าน หรือสายชิวล์ริมน้ำแบบแคมปิ้ง เล็กๆพอขายได้กรุบกริบแต่รายได้มากกว่าที่คิด

 

เคยประสบกับปัญหากับการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟสดคั่วบดยังไงให้ถูกใจกันใช่ไหม ไม่ว่าจะเป็นการหาซื้อเพื่อมาชงดื่มเองที่บ้านเพราะช่วงนี้หลายๆคนก็ต้องทำงานที่บ้าน จะไปซื้อตามร้านที่เคยๆทำก็ไม่สะดวก หรือแม้แต่คนที่เพิ่งเปิดร้านกาแฟเล็กๆตามที่เกริ่นมาตั้งแต่ต้นเองก็ต้องเลือกเฟ้นเมล็ดกาแฟคั่วสด หรือเมล็ดกาแฟคั่วบดที่จะนำมาเป็นตัวหลักในเมนูและที่จะนำมาเบลนด์เป็นสูตรเฉพาะตน

 

เกริ่นมาตั้งนาน มาเข้าเรื่องแท้จริงกันเลยดีกว่า การเปิดร้านไม่ได้ยากแต่การจะทำให้กาแฟสดของเราอร่อยถูกใจลูกค้าได้นั้น นอกจากฝีมือคนชงแล้ว ตัวหลักที่ทำให้กาแฟสดรสชาติอร่อยและกลิ่นหอมเรียกลูกค้าคือ “เมล็ดกาแฟสดคุณภาพดี” ด้วยเหตุนี้เรื่องที่เราจะมากล่าวถึงในบทความนี้คือ การเลือกซื้อเมล็ดกาแฟสด

 

5ข้อดีๆที่ควรรู้ก่อนเปิดร้านกาแฟ

 

1.ต้องดูว่าเราขายให้ใคร ลูกค้ารอบๆบริเวณที่เราจะตั้งร้านขายเป็นกลุ่มลูกค้าแบบไหน เป็นกลุ่มลูกค้าออฟฟิศหรือกลุ่มลูกค้าทั่วไป ถ้าพื้นที่ตั้งร้านมีกลุ่มลูกค้าทั่วไปส่วนใหญ่จะไม่นิยมกาแฟเปรี้ยว ก็อาจจะเน้นในการใช้เมล็ดกาแฟคั่วกลางและคั่วเข้ม เพราะแทบจะไม่มีความเปรี้ยว  แต่ถ้ากลุ่มลูกค้าที่เป็นคอกาแฟนิยมดื่มรสกาแฟแท้ก็เน้นไปทางเมล็ดกาแฟสดคั่วอ่อนไปจนถึงคั่วกลาง เพราะจะยังคงมีความเปรี้ยวธรรมชาติของกาแฟ เมื่อทำความเข้าใจในกลุ่มลูกค้ารอบๆร้าน แล้วจึงเลือกชนิดเมล็ดกาแฟที่จะเป็นตัวหลักของร้าน

 

หรือถ้าคุณต้องการขายความเป็นตัวตนของคุณ วิธีการชงตัวหลักในการขายของคุณเป็นประเภทใด ก็หาชนิดกาแฟที่เหมาะสมกับวิธีนั้นๆ เช่น ถ้าร้านคุณขายกาแฟแบบชงด้วย moka pot นิยมใช้เมล็ดกาแฟคั่วอ่อนหรือเมล็ดกาแฟสดคั่วกลาง และเป็นเมล็ดกาแฟบดละเอียดขนาดเม็ดเกลือ อย่าบดละเอียดเกินไปเพราะจะทำให้กาแฟขมได้ เป็นต้น

 

2.รสชาติที่ถูกปากลูกค้ากลุ่มหลักของร้าน เช่น กลุ่มที่ชอบกาแฟเข้มไม่ติดเปรี้ยว กับ กลุ่มลูกค้าที่ชอบกาแฟเปรี้ยวไม่ขม เมื่อสังเกตไปสักระยะแล้วเป็นที่แน่ใจกลุ่มหลักที่เข้ามาเป็นลูกค้าชื่นชอบรสแบบไหนก็เน้นเมล็ดกาแฟที่ถูกปากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นตัวชูโรง เพื่อจะได้ไม่ต้องเหลือเมล็ดกาแฟที่ลูกค้าไม่เลือก

 

3.ซื้อกาแฟคั่วสดที่ไหนดี เชื่อว่าร้านที่เพิ่งเปิดใหม่หรือผู้ที่เพิ่งหัดซื้อเมล็ดกาแฟสดมาชงดื่มเองที่บ้าน อาจยังไม่รู้จักโรงคั่วกาแฟที่ขายส่งเมล็ดกาแฟ ขายเมล็ดกาแฟสด และกาแฟสดคั่วบด จึงอาศัยการซื้อกาแฟสดแบรนด์ต่างๆที่จำหน่ายตามร้านหรือห้างสรรพสินค้ามาใช้ ทำให้สะดวกและง่าย แต่ข้อเสียคือมีวันหมดอายุที่ตายตัว หลังจากวันคั่วและกว่าเราจะได้ไปซื้อมาใช้งาน อาจทำให้เหลือวันไม่พอจนต้องทิ้งเพราะกาแฟเสื่อมคุณภาพ แต่ถ้าเลือกซื้อที่โรงคั่วโดยตรง เราสามารถกำหนดโปรไฟล์กาแฟและกำหนดระยะเวลา รวมไปถึงปริมาณกาแฟที่ต้องการต่อการใช้ในร้านได้ อย่างเช่น ร้านใช้กาแฟคั่วแบบไหน ใช้ปริมาณกี่กิโลกรัมในแต่ละล็อตก็โทรแจ้งทางโรงคั่วไว้แต่เนิ่นๆได้เลย

 

4.อายุของเมล็ดกาแฟหลังจากการคั่ว เมื่อคั่วเสร็จใหม่ๆจะยังไม่สามารถนำมาใช้ชงได้ทันที ต้องรอให้เมล็ดกาแฟคั่วได้คายแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากกระบวนการคั่วสัก 5-7วันก่อน จึงนำมาชงดื่มหรือขายได้ปกติ อย่างเช่น ถ้าคั่วกาแฟเมื่อวันที่ 1 เมล็ดกาแฟจะคายแก๊สฯเสร็จประมาณวันที่ 7 ก็นำมาชงได้ในวันที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รสชาติดีที่สุด หลังจากนั้นเมล็ดกาแฟจะค่อยๆเสื่อมคุณภาพไปตามสภาพแวดล้อมและการเก็บรักษา จึงควรจะใช้เมล็ดกาแฟสดให้หมดภายใน 1 เดือนนับจากวันคั่ว เพื่อรักษาความเสถียรรสชาติที่ดีของกาแฟ

 

5.ต้องมีความเข้าใจการสกัดกาแฟ  คือ ทำการศึกษาและเข้าใจในระดับการบด ระยะเวลา ปริมาณน้ำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนสัมพันธ์กับกาแฟที่ใช้ชง และค่อยพัฒนาหรือต่อยอดเทคนิคเฉพาะตัวเพื่อให้ได้เมนูที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน

 

เวลาที่คุณเลือกเมล็ดกาแฟสดคั่วสักถุง หรือ กาแฟสดบดแล้ว ถ้าสังเกตให้ดีบนบรรจุภัณฑ์จะมีฉลากที่บอกรายละเอียดของกาแฟบนบรรจุภัณฑ์ บอกถึงแหล่งที่มา ชนิดของเมล็ดกาแฟ  ระดับการคั่ว กระบวนการผลิต ซึ่งในบทความทำไมกาแฟเปรี้ยวได้กล่าวถึงระดับการคั่วของเมล็ดกาแฟกันไปแล้ว และใช่!ทุกคนรู้แล้วว่า ระดับการคั่วกาแฟนั้นมีผลต่อรสและกลิ่นของกาแฟ แล้วรู้หรือไม่ว่านอกจากการคั่วแล้ว กระบวนการผลิตหรือที่เรียกว่า process ก็มีผลต่อรสชาติกาแฟสดเช่นกัน

 

, เลือกซื้อเมล็ดกาแฟสดคั่วยังไงให้ถูกใจ

Process กาแฟคืออะไร

process คือ กระบวนการแปรรูปกาแฟที่เริ่มจากการนำผลกาแฟเชอร์รี่ (coffee cherries)เข้าสู่กระบวนการผลิตให้ได้เมล็ดสารกาแฟ (Green bean) ก่อนที่จะนำมาคั่วจนเป็นเมล็ดกาแฟสดคั่วพร้อมชงนั่นเอง

 

เนื่องจากระหว่างขั้นตอนในการผลิตจะมีความแตกต่างกันและในส่วนนี้เองที่ทำให้มีผลต่อกลิ่นและรสชาติกาแฟทั้งที่เป็นกาแฟมาจากต้นเดียวกันก็ตาม โดยกระบวนการผลิตกาแฟที่นิยมและรู้จักกันนั้นได้แก่

 

 

Washed Process คือกระบวนการผลิตที่ใช้น้ำเป็นตัวหลักทุกขั้นตอนในกระบวนการผลิตนี้ หรือจะเรียกได้ว่า wet process ซึ่งจะต้องทำวันเดียวกับที่เก็บผลกาแฟเชอร์รี่เพื่อไม่ให้เน่าเสียก่อน วิธีการคือนำผลกาแฟเชอร์รี่แช่น้ำเพื่อให้เปลือกร่นเสียก่อนสัก 24-36 ชั่วโมง แล้วนำไปทำการสีเปลือกออก จะได้กาแฟดิบที่มีเมือกติดอยู่ จากนั้นก็นำไปหมักเพื่อให้จุลินทรีย์ทำงาน โดยจุลินทรีย์บางตัวนี้เองที่มีผลให้กาแแฟมีรสชาติดี หลังจากขัดจนได้ที่ก็นำเมือกออกและล้างให้สะอาดแล้วนำไปตากแห้งจะได้เป็นกาแฟกะลา ในระหว่างตากแห้งต้องคอยไถเกลี่ยเมล็ดเพื่อให้แห้งทั่วถึงกัน กว่าจะแห้งดีอาจต้องใช้เวลาประมาณ 7-8วัน เมื่อกาแฟกะลาแห้งดีแล้ว ก็นำไปสีเอากะลาด้านนอกออกเพื่อให้เหลือแต่เมล็ดด้านใน จะได้เมล็ดกาแฟที่ความคลีน คงเอกลักษณ์ของคุณสมบัติของกาแฟได้อย่างเต็ม100% และคาแรคเตอร์ที่ได้จากการ process แบบนี้ คือ กาแฟรสละมุน ดื่มง่าย สามารถดื่มได้ทุกวัน

 

 

Natural Processคือ เมล็ดกาแฟที่ผ่านกรรมวิธีแบบตากแดด หรือเรียก Dry process ก็ได้ โดยหลังจากคัดเมล็ดกาแฟที่สุกเต็มที่แล้วก็นำผลเชอร์รี่กาแฟไปตากแดดเลย โดยระยะเวลาจะอยู่ในช่วง 15-30 วัน ระหว่างนี้ต้องคอยไถเกลี่ยเมล็ดกาแฟเพื่อให้มีความแห้งที่สม่ำเสมอทั่วกันและป้องกันการเกิดเชื้อรา รวมไปถึงกลิ่นหมัก (Over Fermented) หลังจากที่ตากแดดได้ที่แล้วก็นำไปสีเพื่อขัดเปลือกออก ก่อนที่จะนำไปผ่านการคั่ว ถือได้ว่าเป็นกระบวนการผลิตเมล็ดกาแฟที่เก่าแก่มากๆ

 

วิธีนี้จะได้รับความนิยมในโซนอเมริกาใต้และทวีปแอฟริกา เช่น ประเทศบราซิล เอธิโอเปีย เหตุที่บราซิลให้ความนิยมในกระบวนการผลิตแบบนี้ เนื่องจากกาแฟเป็นอุตสาหกรรมหลักๆของบราซิล และบราซิลเองก็มีพื้นที่กว้างมาก ดังนั้น dry process จึงเป็นวิธีที่ควบคุมได้ง่ายมากขึ้น

 

เมล็ดกาแฟราคาถูกจะนิยมใช้วิธีนี้ เนื่องจากไม่ต้องใช้ต้นทุนสูงและไม่ซับซ้อน ทำให้ไม่ต้องเพิ่มในเรื่องต้นทุนอีก แต่ขณะเดียวกัน กาแฟคุณภาพสูงเองก็นิยมใช้ natural process เพราะต้องการคาแรคเตอร์ของกาแฟที่ชัดเจนที่สุด ส่วนคาแรคเตอร์กาแฟ ที่ได้จะเป็นรสชาติที่ชัดเจน เข้มข้น จัดจ้าน ออกโทนผลไม้ตากแห้ง หรือ คล้ายไวน์แดง ทำให้ได้การตอบรับจากคอกาแฟเป็นอย่างมาก

 

 

Honey Process คือ เป็นกระบวนการผลิตกาแฟที่มีความกึ่งกลางระหว่าง washed process และ dry process เรียกได้ว่าเป็น Semi wash process หรือ แบบกึ่งแห้งกึ่งเปียก นั่นเอง โดยเริ่มจากการสีเปลือกออก แล้วนำเมล็ดกาแฟที่ยังมีเมือกติดอยู่นั้นไปหมัก ระหว่างในขั้นตอนการหมักทำให้เกิดความเหนียว สีของเมล็ด และมีความหวานคล้ายน้ำผึ้ง ทำให้ถูกเรียก honey process ซึ่ง character ของ process นี้ จะมีความหวาน หอม และบอดี้ที่กำลังดี ยังคงมีรสชาติที่สะอาดเหมือนกับ washed process และอัตลักษณ์ที่แท้จริงของกาแฟจากแต่ละที่

 

 

นอกจาก 3 processที่กล่าวมาก็ยังมีกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้กาแฟสารอีกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Carbonic Macration , Anaerobic หรือ Double Anaerobic  ซึ่งจะเป็นวิธีการคล้ายกับการหมักไวน์ที่นำมาประยุกต์ใช้กับการแปรรูปกาแฟ

 

และจากกระบวนการ process ที่ได้กาแฟกะลา อาจทำให้บางคนสงสัยว่ากาแฟกะลาคืออะไร กาแฟสารคืออะไร

 

กาแฟกะลา คือ เมล็ดกาแฟแห้งที่ได้จากการนำผลกาแฟเชอร์รี่ไปผ่านขั้นตอนกระบวนการผลิต สีเปลือกและขัดเมือกออกจนสะอาดดีแล้วนำไปตากแห้ง กาแฟที่ได้ในขั้นตอนนี้ก็คือเมล็ดกาแฟกะลา

 

กาแฟสารคืออะไร (Green coffee bean) สารกาแฟคือ เมล็ดกาแฟดิบ หรือ เมล็ดกาแฟเขียว (Green bean) ที่ผ่านขั้นตอนการแปรรูปแล้วและพร้อมจะนำไปคั่วสำหรับไว้ชงดื่มในขั้นตอนต่อไป โดยสารกาแฟที่ดีนั้นควรมีความชื้นไม่เกิน13%

 

Roasted coffee คือ เมล็ดกาแฟคั่วที่พร้อมนำไปชงดื่ม โดยสีสันจะแตกต่างกันไปตามระดับการคั่ว

 

 

, เลือกซื้อเมล็ดกาแฟสดคั่วยังไงให้ถูกใจ

 

เสน่ห์ของกาแฟสดอีกอย่างหนึ่งคือการได้ลุ้นว่าจะได้ กลิ่น(Aroma) รส( test)หลังจากการชงเป็นแบบไหน และ After test เป็นอย่างไร เพราะเมล็ดกาแฟสดจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันตั้งแต่แหล่งที่มา ขั้นตอนการแปรรูป ระดับการคั่ว เลเวลการบด และเทคนิคการชงของแต่ละคนประกอบด้วย

 

อย่างที่รู้กันไปบ้างแล้วจากที่กล่าวมา รวมไปถึงในบทความต่างๆของเรานั้นว่ามีสิ่งใดบ้างที่มีผลต่อกลิ่นรสชาติกาแฟ ต่อไปนี้เป็นข้อมูลวิธีเลือกเมล็ดกาแฟที่นำมาฝากสำหรับร้านกาแฟเปิดใหม่หรือแม้แต่มือใหม่หัดชง

 

ถ้าคุณชอบกาแฟเปรี้ยว กาแฟผลไม้ หรือคอนเซ็ปต์ร้านเป็นแนว slow bar / คั่วอ่อน

ขอแนะนำเป็นเมล็ดกาแฟคั่วอ่อน ที่จะให้รสเปรี้ยว กลิ่นฟรุ๊ตตี้ๆ สดชื่นด้วยกลิ่นหอมและความเปรี้ยวผลไม้สุดๆ เหมาะกับสายดริปมากๆ เมนูที่แนะนำแล้วเข้ากั๊นเข้ากันคือ อเมริกาโน่ ที่จะทำให้คุณฟิน สดชื่น กระปรี้กระเปร่าทุกครั้งที่ได้ดื่ม หากคุณชื่นชอบกาแฟ Single origin เราขอแนะนำเป็น กาแฟ Kenya Es และ Ethiopia Es ในขณะที่ Kenya-Ethiopia จะเป็นกาแฟ blend (ระหว่าง Kenya กับ Ethiopia) ที่ให้ความฟรุ๊ตตี้เหมือนกันและเหมาะกับเมนูอเมริกาโน่  และถ้าคุณชอบกาแฟเปรี้ยวแต่ก็ชอบในเมนูกาแฟลาเต้มากกว่า แนะนำเป็น กาแฟ KTT Blend (Ethiopia-Thai) กลิ่นสัมผัสที่ได้จะมีทั้ง ส้ม ลิ้นจี่ สับปะรด ลูกเกด ให้ความเปรี้ยวอมหวาน มีบอดี้ที่เบา จะเหมาะกับเมนูลาเต้ร้อน-เย็น

 

หลายคนเข้าใจว่ากาแฟเปรี้ยวเพราะเน่าเสีย หรือ เป็นกาแฟสดโรบัสต้า แต่แท้จริงแล้ว เมล็ดกาแฟเปรี้ยวคือสารกาแฟอราบิก้า ซึ่งรสเปรี้ยวเป็นธรรมชาติของกาแฟ และระดับการคั่วของเมล็ดกาแฟก็มีผลให้กาแฟเปรี้ยวด้วยเช่นกัน

 

จะสายแคมป์ , slow life หรือ type healthy  / คั่วอ่อนปานกลาง

ถ้าคุณชอบกลิ่นแตะจมูกแนว ช็อกโกแลต เนยถั่ว เนย ติดเปรี้ยวเล็กน้อย บอดี้แน่นติดลิ้น และเมนูโปรดคือ ลาเต้ร้อน-เย็น เราแนะนำเป็น House Blond (ที่เบลนด์ด้วยเมล็ดกาแฟ Mae Buyah honey – Guatemala – Colombia – Brazil) และ Peanut Butter(เบรนด์ด้วยเมล็ดกาแฟกัวเตมาลา กาแฟสดโคลัมเบียและเมล็ดกาแฟบราซิล)

 

แต่ถ้าเป็นแนวลาเต้ร้อน-เย็นแบบไม่หวาน หรือ อเมริกาโน่ ก็จะมี Milk Choc (Brazil -Thai) ให้ความเป็นช็อกโกแลต นม ติดเปรี้ยวเล็กน้อย บอดี้กลางๆ หรือ Mae Buh Yah 3 King (เบลนด์ด้วยเมล็ดกาแฟไทยดอยปางขอนทั้ง 3 process) และ กาแฟไทยดอยปางขอน Doi Pangkhon Es ที่เป็น Single Origin ให้กลิ่นที่เป็นแครกเกอร์ส้ม ลูกเกด ติดเปรี้ยว บอดี้กลางๆ  ส่วนสายลาเต้-กาแฟนม ให้ความเป็นถั่วนิดๆ ติดเปรี้ยว มีบอดี้ชัด ก็ต้อง Brazil Es

 

สายกลาง หรือ คั่วกลาง

ถ้าคุณเป็นสายกาแฟ ช็อกโกแลต-คาราเมล แต่ติดเปรี้ยวปลายๆ บอดี้กลางๆ จะเป็นเมล็ดกาแฟ Caramelized (เบลนด์ Brazil – Thai) และ เมล็ดกาแฟลอยกระทงเบลนด์ (อินโด-ไทย3แหล่ง 216) ส่วนกาแฟที่ให้รู้สึกเป็น ดาร์คช็อกโกแลต ติดเปรี้ยวเล็กน้อย บอดี้แน่น เหมาะชงได้ทั้ง อเมริกาโน่ และ ลาเต้ร้อน-เย็น คือ  Asian Blend

 

สายฮาร์ดคอร์ เข้มมัน และ เข้มขมถึงใจ เหมาะกับคนไม่ชอบเปรี้ยว / คั่วเข้ม และ คั่วเข้มมาก

เรามาว่าด้วยระดับเมล็ดกาแฟคั่วเข้มก่อน จะมี เมล็ดกาแฟคั่ว Loas222 (เป็นกาแฟลาวsingle origin)  และ Spatan222 (กาแฟเบลนด์ Loas-Thai 222) ทั้งสองตัวนี้จะให้ความเป็นดาร์คช็อกโกแลต เข้มข้นติดหวาน บอดี้แน่น เมนูแนะนำคือ กาแฟเย็น+นม และ มอคค่า

 

ถ้าคุณมองหาเมล็ดกาแฟคั่วเข้มมากที่เป็น Single origin ของสันติพาณิชย์ คุณสามารถเลือกเป็นเมล็ดกาแฟดอยช้าง Doi Chang 226 ที่มีความเป็นช็อกโกแลตเข้ม บอดี้สูง ซึ่งเหมาะกับเมนู เอสเพรสโซ่เย็น /คาปูชิโน่ / ลาเต้ / กาแฟนมเย็น / มอคค่า เป็นอย่างมาก และอีกกาแฟเชื้อสายลาว Loas228 ที่ไม่มีความเปรี้ยวเลย มีแต่ความเข้ม ติดหวาน กลิ่นขมเข้มมาก เมนูที่แนะนำ เอสเพรสโซ่เย็น มอคค่า และ กาแฟปั่น ส่วนฮาร์ดคอร์สุดๆแบบ เข้ม ขมขึ้นตา ต้องลองเมล็ดกาแฟ สู่สุขคติ (Thai-Loas)

นอกจากนี้เรายังมีเมล็ดกาแฟเบลนด์คั่วเข้มมากอีกหลายผลิตภัณฑ์ ที่สามารถเลือกนำไปชงให้เหมาะกับเมนูของร้านได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน

 

ส่วนใหญ่ในการเลือกเมล็ดกาแฟสดที่นิยมเพื่อนำมาเบลนด์ให้ได้สูตรเฉพาะของร้านนั้นจะเลือกเป็นกาแฟไทย เนื่องจากมีความเข้มข้นถูกปากคนไทยอยู่แล้ว และราคาไม่สูงเกินไปที่จะนำมาเบลนด์กับเมล็ดกาแฟสดอื่นๆเพื่อให้ได้สูตรที่มีเอกลักษณ์

 

กาแฟเบลนด์ของแทบทุกร้านจะบ่งบอกถึงตัวตนหรือรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของร้าน เนื่องจากเมื่อทำการเบลนด์กาแฟ จะต้องมีการชิมก่อนนำออกขาย ซึ่งรสที่ได้ก็เป็นรสที่ถูกใจของผู้เบลนด์เอง จึงเรียกได้ว่า กาแฟเบลนด์ไม่มีรสที่ตายตัว แต่เป็นรสที่แสดงความเป็นตัวตนของเจ้าของร้านหรือผู้คิดสูตร ดังนั้นลูกค้าประจำของร้านๆนั้นก็จะเข้าข่ายมีรสนิยมในรสชาติเดียวกันหรือใกล้เคียงกันก็ว่าได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าทั้งร้านจะมีแต่กาแฟที่เป็นตัวตนเจ้าของร้านเท่านั้น แต่มักจะมีเมนูอื่นๆเพื่อรองรับลูกค้าที่นิยมรสกาแฟที่แตกต่างกันไป  เพราะต่อให้เมล็ดกาแฟราคาแพงแค่ไหน แต่ถ้าไม่ถูกปากคนดื่มก็อาจจะไม่คุ้มที่จะจ่าย

 

หากคุณมีไร่กาแฟเองหรือมีต้นกาแฟที่บ้านพอจะเก็บได้เพื่อกาแฟหอมกรุ่นสักแก้ว ก็อาจจะเก็บแล้วทำเองทุกขั้นตอนตั้งแต่เก็บผลเชอร์รี่สุกจากต้น แล้วนำมาบีบเปลือกออกหรือแช่น้ำเพื่อให้เปลือกได้นิ่มแล้วร่นง่ายขึ้น เป็นการทำกาแฟแบบง่ายๆหรือเรียกว่าแบบสมัยโบราณบ้านๆก็ได้ เพราะก่อนที่จะมีเครื่องขัดสีกาแฟแบบปัจจุบัน ก็มีชาวบ้านทำกาแฟกินเองแบบง่ายๆ ไม่มีขั้นตอนมากมาย เพราะกาแฟก็คือผลไม้ชนิดหนึ่ง เหมือนเราเก็บผลไม้มาทำกิน บีบเปลือกออกได้เม็ดข้างในแล้วนำไปตากแดดจนแห้ง จะมีบางส่วนที่ยังมีเปลือกนอกอยู่ที่เรียกว่ากาแฟกะลา ก็แกะกะลาด้านนอกออก โดยอาจใช้มือบีบออกหรือใช้ครกตำหากมีจำนวนมากเพื่อให้สะดวกขึ้น

จนได้สารกาแฟแล้วนำไปคั่วเพื่อเตรียมชงดื่ม

 

เป็นไปได้ถ้าคุณมีพื้นที่และอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อำนวยต่อการปลูกกาแฟ แต่ถ้าหากคุณอาศัยในตัวเมืองและไม่มีพื้นที่จะทำได้แบบนั้น การหาแหล่งที่จำหน่ายเมล็ดกาแฟสด หรือโรงคั่วกาแฟขายส่งที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือได้เป็นตัวช่วยที่ดีกว่าและไม่ยุ่งยากในการจัดการ ถ้าคุณต้องการที่จะหาซื้อเมล็ดกาแฟดิบมาคั่วเอง-บดเอง จะหาเมล็ดกาแฟดิบซื้อที่ไหน เมล็ดกาแฟดิบราคาเท่าไร

 

เนื่องจากความต้องการกาแฟมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นผลมาจากการนิยมดื่มกาแฟมากขึ้น โดยปัจจุบันไทยได้มีอัตตราการขยายตัวการส่งออกเมล็ดกาแฟเพิ่มขึ้นในขณะที่ผลผลิตเมล็ดกาแฟของไทยยังไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคในประเทศ

 

ตลาดกาแฟโลกซื้อขายเมล็ดกาแฟดิบราคาขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาและเกรดกาแฟ แต่เรามาดูกันคร่าวๆเพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ที่สนใจจะซื้อเพื่อทำการค้าขายในกิจการเล็กๆไปจนถึงระดับร้านหรู

 

สารกาแฟหรือเมล็ดกาแฟดิบราคา / กิโลกรัม

ดอยปางขอน   ราคา      355 บาท   (Dry process)
ดอยปางขอน   ราคา      300 บาท   (Honey process)
Ethiopia Yirgacheffe   ราคา      650 บาท
Ethiopia Gediyo Yirgacheffe   ราคา      710 บาท
Ethiopia Guji Anasora   ราคา      680 บาท
Ethiopia Solomo Oro   ราคา      680 บาท
Ethiopia Buku Able   ราคา      710 บาท
Kenya Embu Gakui AA   ราคา      750 บาท
Kenya Kamagogo AB   ราคา      680 บาท
Costarica Tarrazu Santuario   ราคา      650 บาท
Indomesia Gayo   ราคา      440 บาท

และนี่คือราคาเมล็ดกาแฟดิบพอคร่าวๆ แต่ถ้าไม่สะดวกที่จะคั่วเอง ก็สามารถสั่งซื้อและให้สันติพาณิชย์คั่วให้ได้ทั้ง คั่วอ่อน คั่วกลาง คั่วเข้ม และยังสามารถบดให้ตรงกับความต้องการที่จะนำไปใช้งานได้จริงด้วยเมล็ดกาแฟคุณภาพและราคาที่เป็นมิตร

 

จากบทความนี้คงช่วยให้ผู้ที่หัดชงกาแฟดื่มเองที่บ้านหรือผู้ที่สนใจเปิดร้านกาแฟได้รู้ถึงวิธีการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟสดคั่วยังไงให้ถูกใจกันไปแล้ว และไม่ว่าอย่างไรก็ตาม กาแฟไม่มีผิดมีถูก ถ้าจะให้พูดกันจริงๆแล้ว กาแฟที่ดีไม่ได้อยู่ที่รสชาตินิยมเป็นอย่างไร แต่อยู่ที่รสชาติถูกใจคนดื่มต่างหาก


TAGS :


RELATED STORIES

ระบบกำลังพัฒนา
หากสนใจสินค้า หรือต้องกาแจ้งการชำระเงิน
รบกวนลูกค้าติดต่อผ่าน FACEBOOK
Santi Coffee & Roaster
MESSENGER