TOPIC
เครื่องดื่มยอดนิยมของคนไทย 10 ข้อควรรู้ การดื่มชามีประโยชน์อย่างไร และวิธีการดื่มชาให้ดีต่อสุขภาพ
โดย : ผู้ดูแลระบบสันติพานิช
28.01.2025
ประโยชน์ของชาและวิธีการดื่มชาให้ดีต่อสุขภาพ ส่งเสริมภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงโรค และเพิ่มความสดชื่นในชีวิตประจำวัน
10 ข้อควรรู้ การดื่มชามีประโยชน์อย่างไร
เครื่องดื่มยอดนิยมของคนไทยและนักท่องเที่ยวแบบไม่เคยตกกระแส แน่นอนย่อมมี “ชา” ติดอันดับต้นๆ ไม่เป็นรองใคร ไม่ว่าจะเป็นชาไทย ชาเขียว ชาอู่หลง ชามะลิ ฯลฯ ทั้งในรูปแบบชาร้อนหรือชาเย็น เพราะนอกจากจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น มีรสชาติอร่อย เรายังได้ประโยชน์ของการดื่มชาดีต่อสุขภาพอีกมากมาย ในบทความนี้เราจะมาพูดถึง 10 ข้อดีของการดื่มชาช่วยอะไรได้บ้าง และวิธีการดื่มชาที่ถูกต้องทำอย่างไร ไปดูกันเลย
- ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกาย
การดื่มชาช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย โดยเฉพาะในชาเขียวหรือชาไทยที่มีสารคาเฟอีนและสารแคเทชิน ซึ่งช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันให้เร็วขึ้น ช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและมีพลังงานตลอดทั้งวัน
- ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
สรรพคุณของชา ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้นได้ เนื่องจากชามีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ฟลาโวนอยด์ และโพลีฟีนอลที่ช่วยปกป้องร่างกายจากเชื้อโรคและการติดเชื้อ ดังนั้นการดื่มชาเป็นประจำช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับโรคต่างๆ ได้ดีขึ้น
- ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
ชามีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ในร่างกาย มีผลในการลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจและหลอดเลือดต่างๆ ได้
- ช่วยผ่อนคลายและลดความเครียด
ในชามีสารที่ช่วยลดความเครียดและทำให้ร่างกายผ่อนคลาย เช่น กรดอะมิโน L-theanine ที่ช่วยปรับสมดุลของการทำงานของสมอง ช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายหลังจากความเครียดในชีวิตประจำวัน
- ช่วยบำรุงสมองและความจำ
การดื่มชาเป็นประจำช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น โดยสารคาเฟอีนในชาไม่เพียงแต่กระตุ้นให้คุณรู้สึกสดชื่นเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ส่งผลให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มสมาธิและความจำ
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ
เนื่องจากในชามีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันและชะลอการเกิดริ้วรอย รวมถึงช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใสและชุ่มชื้น นอกจากนี้การดื่มชาเย็นยังช่วยลดอาการบวมและระคายเคืองบนผิวได้ดี
- ช่วยในการย่อยอาหาร
หลายคนอาจไม่รู้ว่า การดื่มชาสามารถช่วยในการย่อยอาหารได้ เช่น ชาขิงที่ช่วยบรรเทาอาการท้องอืดและท้องเฟ้อ หรือชาเปปเปอร์มิ้นต์ที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อในกระเพาะอาหารและช่วยในการย่อยอาหารให้ดีขึ้น
- ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง
ชาเขียวและชาอื่นๆ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น คาตาชินและฟลาโวนอยด์ สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง โดยสารเหล่านี้จะช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งและป้องกันความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
การดื่มชาช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยการดื่มชาเขียวเป็นประจำสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้อินซูลิน ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานประเภท 2 และทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ ถือได้ว่าประโยชน์จากการดื่มชาช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย
- ช่วยลดน้ำหนัก
ชาเขียวและชาอูหลงมีคุณสมบัติช่วยในการเผาผลาญไขมันและลดน้ำหนักได้ โดยสารคาเฟอีนและแคเทชินในชาจะกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ช่วยให้การลดน้ำหนักเป็นไปได้ง่ายขึ้น หากดื่มชาเป็นประจำควบคู่กับการออกกำลังกาย
วิธีดื่มชาที่ถูกต้อง
ชา คือผลผลิตจากพืชธรรมชาติ แม้ว่าไม่ส่งผลอันตรายร้ายแรงต่อร่างกาย แต่การดื่มชาให้ได้ประโยชน์สูงสุด และหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ จำเป็นต้องคำนึงสิ่งต่อไปนี้
- เลือกชาให้เหมาะสมกับความต้องการ
การเลือกชนิดของชาเป็นสิ่งสำคัญในการดื่มชาให้ได้ผลดี เพราะชาแต่ละชนิดจะมีรสชาติและสรรพคุณแตกต่างกันไป เช่น ชาเขียว ชาไทย (ชาแดง) ชาดำหรือชาอัสสัมมีคาเฟอีนเข้มข้น ดื่มแล้วรู้สึกตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่า ส่วนชาเปปเปอร์มินต์ หรือชามะลิ ช่วยผ่อนคลาย ในขณะที่ชาคาโมมายล์ช่วยส่งเสริมเรื่องการนอนหลับสบาย
- ใช้ใบชาแท้หรือผงชาเกรดดี
วิธีดื่มชาที่ถูกต้อง ควรเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดี โดยการใช้ใบชาหรือผงชาแท้จะช่วยให้รสชาติของชามีความเข้มข้นและกลมกล่อม
- ควบคุมอุณหภูมิในการชงชา
ชาแต่ละชนิดมีอุณภูมิที่เหมาะสมในการชงที่ต่างกัน การชงชาให้ได้รสชาติที่ดีที่สุดจึงต้องไม่ลืมคำนึงถึงข้อนี้ด้วยเช่นกัน เพราะการใช้น้ำร้อนจัดชงชาอาจทำให้ชาเสียรสชาติหรือทำให้ชาขมเกินไป เช่น ชาเขียวชงด้วยอุณภูมิ 70-80°C , ชาไทยและชาเย็นชงด้วยอุณภูมิ 90-100°C เป็นต้น
- ใช้ปริมาณชาที่เหมาะสม
ปริมาณของชาที่ใช้ชง ย่อมส่งผลต่อรสชาติ อาจทำให้ชามีรสขม หรือ ชามีรสจืดเกินไป และอาจทำให้เกิดโทษจากการดื่มชาที่ไม่เหมาะสม เช่น ทำตื่นตัวในตอนกลางคืน นอนไม่หลับ หรือใจสั่นได้เช่นกัน
โดยปริมาณชาทั่วไป ประมาณ 1-2 ช้อนชา สำหรับน้ำ 1 แก้ว หรือประมาณ 200 มิลลิลิตร และไม่ควรดื่มชาเกิน 3-4 แก้ว / วัน
- อย่าดื่มชาร้อนเกินไป
ไม่ควรดื่มชาที่ร้อนเกินไป เพราะอาจทำให้ลำคอและกระเพาะอาหารเกิดการระคายเคืองได้ การดื่มชาร้อนให้ได้ประโยชน์ ควรปล่อยให้ชาเย็นลงเล็กน้อยก่อนแล้วจึงค่อยดื่ม
- ดื่มชาให้ถูกเวลา
หากต้องการให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า เวลาที่เหมาะสมสำหรับการดื่มชา คือ การดื่มชาในตอนเช้าหรือช่วงบ่าย ส่วนการดื่มชาหลังมื้ออาหารช่วยบรรเทาอาการท้องอืดและระบบการย่อยอาหาร
สรุป
เห็นได้ชัดว่า การดื่มชามีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ทั้งในด้าน ระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคบางชนิด การย่อยอาหาร ควบคุมน้ำหนัก เผาผลาญพลังงาน และทำให้รู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย เนื่องจากชาอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ฟลาโวนอยด์ วิตามินซี แคเทชิน กรดอะมิโน และแร่ธาตุ ดังนั้น การเลือกดื่มชาคุณภาพดี อย่างถูกวิธีและปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์จากสารอาหารเหล่านี้อย่างเต็มที่ และสามารถเพลิดเพลินไปกับรสอร่อยของชาได้อย่างไม่รู้สึกผิดอีกด้วย!